ที่มา รศ.ประภาส โฉลกพันธ์รัตน์ http://home.kku.ac.th/pracha/Marine%20Fish%20Care.htm
Post by เฮง ตู้ปลา
2 น้ำทะเลหรือน้ำเค็มสำหรับเลี้ยงปลา
น้ำทะเลหรือน้ำเค็มที่มีอยู่ในทะเลตามธรรมชาติ จะประกอบด้วยแร่ธาตุ เกลือแร่ หรือสารประกอบต่างๆมากมายหลายสิบชนิด การใช้น้ำทะเลเลี้ยงปลาสวยงามในสมัยก่อนค่อนข้างมีความยุ่งยาก เพราะจะต้องขนน้ำทะเลจากชายทะเล เพื่อนำไปเลี้ยงปลายังแหล่งต่างๆที่ต้องการ ทำให้พื้นที่ที่อยู่ไกลจากชายทะเลมากจะดำเนินการเลี้ยงปลาทะเลได้ยาก เพราะไม่สะดวกในการลำเลียงขนส่งน้ำทะเล จึงทำให้ไม่มีร้านขายปลาสวยงามน้ำเค็มในจังหวัดที่อยู่ห่างไกล จะมีก็แต่ในเขตกรุงเทพฯ และผู้เลี้ยงปลาทะเลก็มักมีปัญหาเรื่องการจัดหาน้ำทะเลใหม่สำหรับการเปลี่ยนถ่าย หรือเติมในระหว่างการเลี้ยงด้วย
ปัจจุบันการเลี้ยงปลาทะเลสวยงามในประเทศไทยมีความสะดวกมากขึ้น เนื่องจากหาน้ำเค็มที่จะใช้ในการเลี้ยงปลาทะเลง่ายขึ้น ซึ่งน้ำเค็มดังกล่าวมี 2 ระเภท คือ
เป็นน้ำเค็มที่เกิดจากการสูบน้ำทะเลเข้ามาตากในนาเกลือ เหมือนกับการทำเกลือทะเล แต่จะตากให้น้ำมีความเค็มประมาณ 100 ส่วนในพันส่วน (ppt) ซึ่งทำกันมากในจังหวัดฉะเชิงเทรา และสมุทรสงคราม น้ำจากนาเกลือนี้จะถูกนำไปเจือจางเพื่อใช้ในการเพาะเลี้ยงสัตว์ทะเล ถือเป็นน้ำที่มีคุณสมบัติดีมาก เพราะมีเกลือต่าง ๆ ครบถ้วน คือจากน้ำทะเลปกติจะมีความเค็มประมาณ 34 ส่วนในพันส่วน การนำมาตากให้น้ำระเหยไปจนมีความเค็มประมาณ 100 ส่วนในพันส่วน จะยังไม่มีเกลือชนิดใดตกผลึกออกไปจากน้ำ จนกว่าความเค็มจะขึ้นไปประมาณ 250 ส่วนในพันส่วน เกลือแกงจึงจะเริ่มตกผลึกออกจากน้ำทะเล ดังนั้นเมื่อนำเอาน้ำนาเกลือที่มีความเค็มประมาณ 100 ส่วนในพันส่วน ไปเติมน้ำจืดให้มีความเค็มลงมาเป็น 34 ส่วนในพันส่วน ก็จะได้น้ำเค็มที่มีเกลือชนิดต่าง ๆ เหมือนกับน้ำทะเลปกติ ทำให้ใช้ในการเลี้ยงสัตว์ทะเลชนิดต่าง ๆ ได้เหมือนกับการใช้น้ำทะเลทั่วไป การทำน้ำนาเกลือจึงช่วยลดค่าใช้จ่ายในการลำเลียงน้ำทะเล ปัจจุบันนิยมใช้กันมากในกิจการโรงเพาะฟักสัตว์ทะเล โดยเฉพาะโรงเพาะฟักลูกกุ้งกุลาดำ และกุ้งขาว รวมทั้งการเลี้ยงกุ้งกุลาดำและกุ้งขาวในพื้นที่ความเค็มต่ำ จะนำน้ำนาเกลือไปผสมเพื่อเพิ่มความเค็มของน้ำในบ่อเลี้ยง
ดังนั้นน้ำนาเกลือถือเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับการเตรียมน้ำเพื่อการเลี้ยงปลาทะเลสวยงาม ยิ่งถ้าได้น้ำที่มีความเค็มประมาณ 150 - 180 ส่วนในพันส่วน ก็จะทำให้ผสมเป็นน้ำทะเลได้มากขึ้น หรือลดปริมาณที่จะต้องลำเลียงลงไปอย่างมาก เพราะน้ำนาเกลือที่มีความเค็มประมาณ 150 - 180 ส่วนในพันส่วน จำนวน 100 ลิตร สามารถนำมาเจือจางเป็นน้ำทะเลความเค็มประมาณ 34 ส่วนในพันส่วน ได้ถึง 440 - 530 ลิตร คือ เตรียมน้ำทะเลได้เป็น 4 - 5 เท่าของน้ำนาเกลือที่ขนมา
การเจือจางน้ำทะเล (น้ำนาเกลือ)
การนำน้ำนาเกลือดังได้กล่าวไว้แล้วมาใช้ จะต้องมีการคำนวนการเจือจางน้ำนาเกลือดังกล่าว ซึ่งปกติจะใช้สูตรในการคำนวน คือ
N1V1 = N2V2
เมื่อ N1 คือ ค่าความเค็มของน้ำนาเกลือ
V1 คือ ปริมาตรของน้ำนาเกลือที่จะต้องใช้
N2 คือ ค่าความเค็มของน้ำทะเลที่ต้องการเตรียม
V2 คือ ปริมาตรของน้ำทะเลที่ต้องการเตรียม
ตัวอย่าง ต้องการเตรียมน้ำทะเลจากน้ำนาเกลือที่มีความเค็ม 120 ส่วนในพันส่วน ในตู้กระจกซึ่งมีขนาดกว้าง 45เซนติเมตร ยาว 200 เซนติเมตร และสูง 45 เซนติเมตร ให้ได้น้ำทะเลที่มีความเค็ม 32 ส่วนในพันส่วน
วิธีคิด หาปริมาตรน้ำในตู้ จากสูตร ปริมาตร = กว้าง X ยาว X สูง
= 45 X 200 X 45
= 405,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ปริมาตร 1 ลิตร มีค่า = 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ดังนั้น ตู้ปลามีปริมาตร = 405,000 / 1,000
= 405 ลิตร
จากสูตร N1V1 = N2V2
แทนค่าในสูตร 120 x V1= 32 x 405
V1 = 32 x 405 / 120
= 108 ลิตร . . . . . . . . (1)
ดังนั้น ต้องใช้น้ำจากนาเกลือที่ได้มา เท่ากับ 108 ลิตร
นั่นคือ ใช้น้ำจากนาเกลือจำนวน 108 ลิตร เติมลงในตู้ปลา แล้วเติมน้ำจืดลงไปผสมจนได้ระดับ 45 เซนติเมตร ก็จะได้น้ำทะเลที่มีความเค็ม 32 ส่วนในพันส่วน ตามต้องการ
การเติมน้ำนาเกลือ จำนวน 108 ลิตร ลงในตู้ อาจกระทำโดยการหาภาชนะมาตวงน้ำนาเกลือเทใส่ตู้ หรือคำนวนได้จากสูตรปริมาตรน้ำ คือ
ปริมาตร = กว้าง X ยาว X สูง
แทนค่า 108 x 1,000 = 45 X 200 X สูง
108,000= 9,000 X สูง
ดังนั้น ความสูง (ระดับน้ำ) = 108,000 / 9,000
= 12 เซนติเมตร . . . . . . . . (2)
นั่นคือ ใช้น้ำจากนาเกลือเติมลงในตู้ปลาให้มีระดับสูง 12 เซนติเมตร แล้วเติมน้ำจืดลงไปผสมจนได้ระดับ 45 เซนติเมตร ก็จะได้น้ำทะเลที่มีความเค็ม 32 ส่วนในพันส่วน ตามต้องการ
จาก (2) ทำให้สามารถปรับปรุงสูตรการเจือจางน้ำทะเล (น้ำนาเกลือ) โดยใช้ความสูงของตู้ปลา หรือระดับน้ำในบ่อที่ต้องการเตรียม ได้ดังนี้
N1H1 = N2H2
เมื่อ N1 คือ ค่าความเค็มของน้ำนาเกลือ
H1 คือ ระดับของน้ำนาเกลือที่จะต้องใช้เติมลงตู้ หรือภาชนะ
N2 คือ ค่าความเค็มของน้ำทะเลที่ต้องการเตรียม
H2 คือ ระดับของน้ำทะเลที่ต้องการเตรียมในตู้ หรือภาชนะ
แทนค่าในสูตร 120 x H1 = 32 x 45
H1 = 32 x 45 / 120
= 12 เซนติเมตร . . . . . . . . (3)
จะเห็นว่า (2) และ (3) มีค่าเท่ากัน นั่นคือ ใช้น้ำจากนาเกลือเติมลงในตู้ปลาให้มีระดับสูง 12 เซนติเมตร (ปริมาตร เท่ากับ 108 ลิตร) แล้วเติมน้ำจืดลงไปผสมจนได้ระดับ 45 เซนติเมตร ก็จะได้น้ำทะเลที่มีความเค็ม 32 ส่วนในพันส่วน ตามต้องการ ง่ายกว่าการคำนวนจาก (1) เพราะไม่ต้องหาภาชนะมาตวงน้ำให้ได้ 108 ลิตร ใช้ระดับของน้ำในตู้เป็นหลัก
เป็นน้ำเค็มที่เกิดจากการนำเกลือหรือสารเคมีหลายชนิดมาละลายน้ำ เพื่อให้ได้น้ำเค็มที่สามารถเลี้ยงสัตว์ทะเลได้ จากสาเหตุของความไม่สะดวกในการลำเลียงน้ำเค็มหรือน้ำทะเลเป็นระยะทางไกล ๆ แต่มีความต้องการเลี้ยงสัตว์ทะเล หลายประเทศได้เห็นความสำคัญในการจัดเตรียมน้ำทะเล จึงมีการศึกษาองค์ประกอบของน้ำทะเล แล้วเลือกเอาเกลือแร่ที่เป็นส่วนประกอบหลัก หรือเป็นชนิดที่น่าจะมีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของปลาทะเล มาทดลองผสมเพื่อทำเป็นน้ำทะเลสังเคราะห์ พร้อมทั้งนำไปทดลองเลี้ยงสัตว์ทะเลชนิดต่างๆ จนในปัจจุบันสามารถผลิตน้ำทะเลสังเคราะห์ได้หลายสูตร ที่สามารถใช้เลี้ยงปลาทะเลและสัตว์ทะเลชนิดต่างๆได้เป็นอย่างดี
ภาควิชาประมง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ก็เป็นหน่วยงานหนึ่งที่นำเอาสูตรน้ำทะเลสังเคราะห์ มาทดลองดำเนินการ และทดลองเลี้ยงปลาทะเลของไทยบางชนิด พบว่าน้ำทะเลสังเคราะห์สามารถใช้เลี้ยงปลาได้ดี นอกจากนั้นยังได้มีการทดลองปรับปรุงสูตรน้ำทะเลสังเคราะห์บางสูตรให้ใช้เกลือแร่ลดลง นำมาทดลองเลี้ยงปลาทะเลบางชนิด กุ้งกุลาดำ กุ้งขาว และอนุบาลลูกกุ้งก้ามกราม ก็ได้รับผลสำเร็จเป็นอย่างดี
ปัจจุบันมีสูตรของน้ำทะเลสังเคราะห์ ที่มีความเหมาะสมในการเลี้ยงสัตว์ทะเลอยู่หลายสูตร การที่จะเลือกใช้สูตรใดสูตรหนึ่ง ควรเลือกให้เหมาะสมกับชนิดของสัตว์ที่จะเลี้ยง และยังต้องพิจารณาถึงความเหมาะสมในการหาซื้อเกลือแร่ชนิดต่างๆที่ระบุอยู่ในสูตรด้วย
สูตรน้ำทะเลสังเคราะห์ที่สามารถเลือกใช้ได้มีดังนี้
2.2.1 สูตรที่ 1
น้ำ 100.0 ลิตร
เกลือแกง 2.8 กิโลกรัม
แมกนีเซียมคลอไรด์ (MgCl2) 400.0 กรัม
แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4) 200.0 กรัม
แคลเซียมซัลเฟต (CaSO4) 100.0 กรัม
โปแตสเซียมคลอไรด์ (KCl) 100.0 กรัม
ดัดแปลงจาก : Uvarov & Chapman (1954) อ้างโดย อรรณพ , 2530.
2.2.2 สูตรที่ 2
น้ำ 100.0 ลิตร
เกลือแกง 2.4 กิโลกรัม
แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4) 490.0 กรัม
แมกนีเซียมคลอไรด์ (MgCl2) 400.0 กรัม
แคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) 110.0 กรัม
โปแตสเซียมคลอไรด์ (KCl) 75.0 กรัม
โปแตสเซียมโบรไม (KBr) 20.0 กรัม
ดัดแปลงจาก : Goldman & McCarthy, 1978
2.2.3 สูตรที่ 3
น้ำ 100.0 ลิตร
เกลือแกง 3.0 กิโลกรัม
โซเดียมไนเตรต (NaNO3) 100.0 กรัม
แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4) 250.0 กรัม
โปแตสเซียมคลอไรด์ (KCl) 60.0 กรัม
แคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) 30.0 กรัม
โปแตสเซียมไดไฮโดรเจนฟอสเฟต (KH2PO4) 5.0 กรัม
ไตรซีน (Tricine) 100.0 กรัม
แอมโมเนียมคลอไรด์ (NH4Cl) 2.7 กรัม
ดัดแปลงจาก : http://www.sbs.utexas.edu/utex/mediaDetail.aspx?mediaID=54
2.2.4 สูตรที่ 4
น้ำ 100.0 ลิตร
เกลือแกง 2.5 กิโลกรัม
แมกนีเซียมคลอไรด์ (MgCl2) 466.0 กรัม
แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4) 629.0 กรัม
โปแตสเซียมคลอไรด์ (KCl) 67.0 กรัม
แคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) 136.0 กรัม
โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3) 18.0 กรัม
ดัดแปลงจาก : http://www.stanford.edu/group/Urchin/seawater.htm
2.2.5 สูตรที่ 5
น้ำ 100.0 ลิตร
เกลือแกง 2.7 กิโลกรัม
แมกนีเซียมคลอไรด์ (MgCl2) 200.0 กรัม
แมกนีเซียมซัลเฟต (MgSO4) 250.0 กรัม
แคลเซียมคลอไรด์ (CaCl2) 130.0 กรัม
โปแตสเซียมคลอไรด์ (KCl) 40.0 กรัม
โซเดียมไบคาร์บอเนต (NaHCO3) 20.0 กรัม
สูตรที่ 5 นี้เป็นสูตรที่ได้จากการดำเนินการทดลองที่ภาควิชาประมง คณะเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น โดย รศ.ประภาส โฉลกพันธ์รัตน์ ซึ่งประสบผลสำเร็จในการใช้เลี้ยงกุ้งทะเล และปูทะเล และที่สำคัญอย่างยิ่ง คือ สามารถใช้อนุบาลลูกกุ้งก้ามกรามเป็นผลสำเร็จ (เจือจางให้มีความเค็ม 15 ppt)
หมายเหตุ สูตรน้ำทะเลสังเคราะห์ในแต่ละสูตรนั้น ได้ดัดแปลงมาให้ใช้สำหรับเตรียมน้ำทะเลสังเคราะห์ ปริมาณ 100 ลิตร เพื่อให้สามารถเปรียบเทียบปริมาณสารที่จะใช้ได้ ซึ่งในการเตรียมน้ำที่ปริมาณ 100 ลิตร นี้ ในขั้นแรกควรเติมน้ำในภาชนะประมาณ 80 ลิตร เมื่อละลายเกลือต่าง ๆ ครบเรียบร้อยแล้วจึงเพิ่มน้ำให้ได้ปริมาตรครบ 100 ลิตร ถ้าหากเติมน้ำตั้งแต่แรก 100 ลิตร เมื่อละลายเกลือต่าง ๆ ลงไป จะทำให้ปริมาตรน้ำเกินกว่า 100 ลิตร ซึ่งจะมีผลทำให้ความเค็มของน้ำต่ำกว่าที่ควรจะเป็น (สำหรับการเตรียมน้ำทะเลสังเคราะห์ในตู้ปลา ภาชนะ หรือบ่อเลี้ยงขนาดต่าง ๆ ดูได้จากตัวอย่าง)
สำหรับเกลือหรือสารเคมีที่ระบุไว้ในแต่ละสูตรนั้น เกลือแกงสามารถหาซื้อได้จากตลาดสด หรือถ้าต้องการปริมาณมากอาจซื้อได้จากร้านขายอาหารสัตว์ ใช้ได้ทั้งเกลือสินเธาว์ และเกลือทะเล แต่ถ้าได้เกลือทะเลก็น่าจะยิ่งดี เพราะอาจมีเกลือแร่อื่น ๆ ติดมาด้วย ส่วนเกลือชนิดอื่น ๆ ซื้อหรือสั่งซื้อได้ตามร้านขายเครื่องมือวิทยาศาสตร์ ซึ่งจะมีอยู่ 2 เกรด คือ เกรด1 เป็นLab Grade เป็นกลุ่มที่ใช้ในห้องปฏิบัติการซึ่งต้องการความบริสุทธิ์ จึงมีราคาแพง เกรด2 เป็น Commercial Grade เป็นกลุ่มที่ใช้กับงานทั่วๆไป หรือห้องปฏิบัติการเคมีของเด็กนักเรียน ไม่ต้องการความบริสุทธิ์มากนัก จึงมีราคาต่ำกว่าเกรด1 อยู่มาก การผสมน้ำทะเลสังเคราะห์สามารถเลือกซื้อเกลือแร่ เกรด 2 ก็จะได้น้ำทะเลที่ใช้เลี้ยงสัตว์ทะเลต่าง ๆ ได้ สิ่งที่มีสำคัญอย่างยิ่ง คือ ผู้ที่ต้องการผสมน้ำทะเลสังเคราะห์ จะต้องเข้าใจวิธีการคำนวณหาทั้งปริมาตรน้ำของตู้ปลา และหาปริมาณเกลือที่ต้องใช้ในแต่ละสูตรได้
ตัวอย่าง ต้องการเตรียมน้ำทะเลสังเคราะห์สูตรที่ 1 ในตู้กระจกขนาด 60 นิ้ว ซึ่งมีขนาดกว้าง 45 เซนติเมตร ยาว 152 เซนติเมตร และสูง 45 เซนติเมตร (การคำนวนหาปริมาตร จะต้องวัดขนาดเป็น เซนติเมตร หรือ เมตร)
วิธีคิด หาปริมาตรน้ำในตู้ จากสูตร ปริมาตร = กว้าง X ยาว X สูง
= 45 X 152 X 45
= 307,800 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ปริมาตร 1 ลิตร มีค่า = 1,000 ลูกบาศก์เซนติเมตร
ดังนั้น ตู้ปลามีปริมาตร = 307,800 / 1,000
= 307.8 307.8 ลิตร
ต้องการเตรียมน้ำทะเลสังเคราะห์ ตามสูตรที่ 1
คือ ปริมาตรน้ำ 100 ลิตร จะใช้เกลือแกง = 2.8 กิโลกรัม
ฉนั้น น้ำ 307.8 ลิตร จะใช้เกลือแกง = 2.8 X 307.8 / 100 กิโลกรัม
= 8.6 กิโลกรัม
ปริมาตรน้ำ 100 ลิตร จะใช้แมกนีเซียมคลอไรด์ = 400 กรัม
ฉนั้น น้ำ 307.8 ลิตร จะใช้แมกนีเซียมคลอไรด์ = 400 X 307.8 / 100 กรัม
= 1,231.2 กรัม
ปริมาตรน้ำ 100 ลิตร จะใช้แมกนีเซียมซัลเฟต = 200 กรัม
ฉนั้น น้ำ 307.8 ลิตร จะใช้แมกนีเซียมซัลเฟต = 200 X 307.8 / 100กรัม
= 615.6 กรัม
ปริมาตรน้ำ 100 ลิตร จะใช้แคลเซียมซัลเฟต = 100 กรัม
ฉนั้น น้ำ 307.8 ลิตร จะใช้แคลเซียมคลอไรด์ = 100 X 307.8 / 100 กรัม
= 307.8 กรัม
ปริมาตรน้ำ 100 ลิตร จะใช้โปแตสเซียมคลอไรด์ = 100 กรัม
ฉนั้น น้ำ 307.8 ลิตร จะใช้โปแตสเซียมคลอไรด์ = 100 X 307.8 /100 กรัม
= 307.8 กรัม
นั่นคือ จำนวนของเกลือแต่ละชนิด ที่จะนำมาผสมน้ำในตู้ที่ต้องการมีดังนี้
เกลือแกง = 8.6 กิโลกรัม
แมกนีเซียมคลอไรด์ = 1,231.2 กรัม = 1.2 กิโลกรัม
แมกนีเซียมซัลเฟต = 615.6 กรัม
แคลเซียมซัลเฟต = 307.8 กรัม
โปแตสเซียมคลอไรด์ = 307.8 กรัม
วิธีการละลายเกลือชนิดต่างๆนั้น เมื่อรู้จำนวนเกลือที่จะต้องใช้แล้วควรละลายเกลือทีละชนิด ไม่ควรชั่งเกลือต่างๆแล้วนำมารวมกัน วิธีการคือ ใส่น้ำลงในตู้ปลาประมาณครึ่งตู้ ชั่งเกลือที่จะใช้มาทีละชนิดแล้วเทใส่กระชอนผ้า จากนั้นจึงนำไปแกว่งน้ำในตู้ปลาจนเกลือชนิดนั้นละลายหมด จึงค่อยชั่งเกลือชนิดต่อไปแล้วนำไปละลายเช่นเดียวกัน จนครบทุกชนิด จากนั้นจึงค่อยเติมน้ำให้ถึงระดับที่ต้องการ แล้วเปิดแอร์ปั๊มให้น้ำในตู้มีการหมุนเวียน เพื่อให้เกลือชนิดต่างๆผสมเข้าเป็นเนื้อเดียวกันตลอดตู้ เปิดเครื่องทิ้งไว้ประมาณ 24 ชั่วโมง จากนั้นจึงทำการติดตั้งระบบกรองน้ำ หินประดับ และสิ่งต่างๆที่ต้องการ ระดับน้ำในตู้อาจจะล้นสูงขึ้นเกินจากที่ต้องการ เนื่องจากปริมาณหินประดับและเศษปะการังที่ใส่เข้าไป จะต้องตักน้ำส่วนเกินออกเก็บใส่ถังปิดฝาเก็บไว้ สำหรับใช้เมื่อต้องการถ่ายน้ำในตู้ปลาได้ เปิดระบบกรองน้ำและแอร์ปั๊มทิ้งไว้อีก 1 วัน น้ำจะใสพร้อมที่จะปล่อยปลาและสัตว์ทะเลที่จะเลี้ยงได้
นอกจากนั้นอาจเตรียมถังพักน้ำ เช่น ถังไฟเบอร์หรือถังพลาสติกขนาดใหญ่ที่มีฝาปิด ทำการคำนวณหาปริมาตรความจุแล้วเตรียมน้ำทะเลสังเคราะห์ เพื่อไว้สำหรับใช้เปลี่ยนถ่ายน้ำให้กับตู้ปลาในระหว่างการเลี้ยง ซึ่งจะทำให้ปลามีการเจริญเติบโตและมีสุขภาพดี เช่นเดียวกับการเลี้ยงปลาสวยงามน้ำจืด
จากการทดลองผสมน้ำทะเลสังเคราะห์ตามสูตรต่างๆดังกล่าว และได้คำนวณหาต้นทุนการผลิต พบว่ามีต้นทุนการผลิตลิตรละประมาณ 0.75 - 1.00 บาท จากความสำเร็จในการค้นพบสูตรน้ำทะเลสังเคราะห์ดังกล่าว ในปัจจุบันจึงมีการผลิตน้ำทะเลสังเคราะห์สำเร็จรูปสำหรับเลี้ยงปลาทะเลออกมาจำหน่าย โดยผลิตเป็นรูปเกลือแห้งบรรจุถุงๆละ 1 กิโลกรัม เมื่อต้องการใช้ก็นำไปละลายน้ำได้ทันที โดยจะใช้น้ำ 30 ลิตร ต่อ เกลือดังกล่าว 1 ถุง แล้วเปิดแอร์ปั๊มให้มีการหมุนเวียนน้ำเป็นเวลาประมาณ 24 ชั่วโมง ก็จะได้น้ำทะเลสังเคราะห์สำหรับเลี้ยงปลาและสัตว์ทะเลอย่างง่ายดาย
ติดตาม การเลี้ยงปลาตู้น้ำเค็ม Marine Aquarium Fish Culture ตอนที่ 3
หน้าที่เข้าชม | 25,301 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 16,595 ครั้ง |
เปิดร้าน | 26 ก.ย. 2558 |
ร้านค้าอัพเดท | 29 ก.ย. 2568 |